วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

แตกต่างแต่ไม่แตกแยก


สวัสดีครับท่าน ทั้งหลายที่อ่านบทความนี้อยู่ คงจะเริ่มชินกับความแตกแยก ทางความคิดของคนในชาติเรามาบ้างแล้ว แต่อย่าเพิ่งเบื่อน่ะ ครับ มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นครับ เราต้องพบกับความหลากหลายความคิด ทั้งซ้ายจัด และ ขวาจ้าน อีกมากครับ และคงจะยากที่จะให้เกิดสมานฉันท์เหมื่อนกับเมื่อ ๒๐ ปีก่อน คงเป็นไปได้ยากแล้วครับ ปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารมันไปไกลกว่าที่จะตามทันแล้วครับ ความคิดของใครบางคนอาจจะมีอิทธิพลกับคนอีกหลายหมื่น หรือ หลายพันคน โดยใช้เวลาไม่มากนัก ความสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่จำกัด ตัวตน และสถานที่ โดยสามารถยัดเยี่ยดอุดมการณ์ต่างๆ ร่วมทั้งการโจมตี ฝ่ายตรงข้ามไปพร้อมกัน ทั้งสร้างมวลชนผ่านทางตัวอักษร ไปยังที่ต่างๆที่มีผู้สนใจ และมีโอกาสที่ถูกน้อมตามได้อย่างไม่ยาก ทั้งนี้รัฐบาลได้พยายามที่จะให้เกิดความสมานฉันท์ของคนในชาติไปบ้างแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางรูปธรรมนั้น สามารถทำได้ครับ แต่จะให้เปลี่ยนนามธรรมล่ะก็เห็นที่จะป่วยการ คงต้องใช้เวลานานหรืออาจยากมาก โดยไม่เหมือนกับการ ต่อสู่แบบเดิมที่เคยทำสำเร็จมาแล้วกลับการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยโดยสร้างภาพให้คอมมิวนิสต์หน้ากลัว เหมือนสัตว์ที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีไม่มีศาสนาต้องถูกทำลายอย่างเดียวเท่านั้น โดยเป็นการสร้างภาพและปลุกระดมมวลชนได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งในสมัยนั้นการคมนาคมไปได้ไม่ทั่วถึง การติดต่อสื่อสารเป็นได้ยาก รัฐจึงคุมปัจจัยการปลุกระดมได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าม สื่อ เป็นปัจจัยสำคัญในโลกยุคใหม่นี้ มีทั่งแบบอิสระ สากล รับรู้ได้อย่างไม่จำกัด ตรวจหาความจริงได้ไม่ยาก ถ้าใครได้สื่อมากแขนงย่อมได้รับปัจจัยเพื่อการประสบกับความสำเร็จมากขึ้นตามไปด้วย การต่อสู่ทางอุดมการณ์ทางการเมืองต่อจากนี้ จะเต็มไปด้วยสื่อหลากหลายทั้ง จริงและเท็จ ผสมกันไป หรือจะเรียกว่า มีการตีไข่ใส่สีกันตามชอบ ผู้เสพข่าวจากสื่อถ้าไม่ใช่วิจารณญาน ย่อมต้องหลงตามไปจนกู่กลับได้ยาก จนกลายเป็นหลงทางกลับไม่ได้ไปเลย ก็เป็นได้ ความขัดแย้งและแตกขั่วที่ว่านี้ เรียกว่าเป็นศึกภายในชาติ ก็อาจจะได้ โดยข้าศึกนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ก็คนในครอบครัว ของท่านนั่นเอง ที่เสพสื่อต่างกัน ต่างความคิด จนกลายเป็นช่องว่างระหว่างคนในครอบครัว ศึกนี้ แก้ ลำบากครับ เมื่อ มันลงไปในระดับ หน่วยที่เล็กที่สุดของรัฐชาติ เสียแล้ว มีตัวอย่าง แม่และพ่อ ไม่ลงรอยกัน เมื่อพูดถึงเรื่องการเมือง ลูกกับพ่อ และ แม่ไม่ถูกกัน เพราะ ความคิดเห็นทางการเมือง อย่าวิเคราะห์ให้ไกล เลยครับ เอาในครอบครัวของท่าน ไม่ให้คิดต่างกันมากจนเกินไป เราควรใช้ความจริงและเปิดใจให้กว้างมากกว่านี้ครับ ไม่ควรจะยึดความคิดฝ่ายตนสำคัญอยู่ฝ่ายเดียว คงไปไม่รอดแน่ การแก้ปัญหานี้ต้องหาทางแก้ที่ระดับครอบวครัวครับ ความคิดนั้นจะไม่ให้คิดต่างกันไม่ได้ แต่คนต้องสามารถอยู่ร่วมกันได้ครับ นั่นคือ คนละครึ่งทางหรือทางสายกลาง ครับ ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดครับ มันก็มีบูดๆเบี้ยวๆไปบ้าง จะหาแบบที่ท่านหวังท่านคิดเป็นไปได้ยากครับ ประเทศไทยจะต้องเดินต่อไปหันมาลองรับฟังปัญหาและลองหาทางออกร่วมกันสิครับ อาจจะมีทางออกที่ดีก็ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: