วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Professional Sergeant



นายทหารประทวนอาชีพ
Professional Sergeant
มนุษย์ทุกคน ทุกหมู่ทุกเหล่า ที่อุบัติ เกาะกลุ่ม กัน รวมตัวกันเป็นชุมชน แว่นแคว้น แล้วนั้น ย่อมประกอบด้วย ส่วนประกอบย่อยๆ หลายๆส่วน ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ช่างฝีมือ ช่างทอผ้า ที่รวมๆเรียกกันว่า กลุ่มชนชั้นแรงงาน เหนือขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะเป็น กลุ่ม พ่อค้า แม่ค้าที่จะเอาสิ่งของ จากแหล่งต่างๆ ที่ผลิตออกมา จำหน่าย ให้ตามความต้องการในแต่ละชุมชน เรียกว่า กลุ่ม วาณิชย์ โดยเหนือขึ้นไปอีกจาก เหล่าพ่อค้าทั้งหลายทั้งปวง เมื่อ ต้องเดินทางบ่อยๆเข้า จำเป็นที่จะต้อง เรียกร้องให้มีความปลอดภัย ในชีวิตตนและทรัพย์สินของตน ที่ไปทำมาค้าขาย กับแหล่งแว่นแคว้นต่างๆ จำต้องจ่ายส่วยหรือปันของให้กับผู้คุ้มครอง จากแว่นแคว้นนั้นๆ จากกลุ่มชนที่เรียกว่า ข้าราชการ หรือ พวกที่ทำงานให้กับ หัวหน้าแคว้น ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่าง กลุ่มผู้มีอำนาจกับกลุ่มผู้มีเงินทอง และทำหน้าที่ อำนวยความสะดวก ให้กับ กลุ่มชนต่างๆ ที่จ่ายส่วยหรือ เราอาจเรียก ว่าภาษี ให้นั่นเอง ส่วนกลุ่มที่เหนือกว่า กลุ่มข้าราชการ นี้ ก็คือ หัวหน้าแคว้น จัดเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพล อำนาจ ในการตัดสินใจ หรือ ลงโทษ หรือ จัดการกับความวุ่นวาย ของ แว่นแคว้นนั้นๆ รวมทั้งการป้องกันแว่นแคว้นด้วย โดยเหล่า หัวหน้าแคว้น จัดเป็นกลุ่มชนชั้นสูง ที่ได้รับ ค่าตอบแทน จากการปันส่วนของผู้ที่มีรายได้จากแคว้นของตน หรือผู้ที่ต้องการการคุ้มครอง จะเป็นเท่าไหรนั้นก็ตามแต่จะตกลงกัน ส่วนกลุ่มชนที่สูงขึ้นจากนี้ไปอีก จะพบว่า โดยทั่วไปในชุมชนทั่วโลก จะยอม ให้ผู้ ทรงศีล หรือนักบวช ที่ตนนับถือ เป็นผู้ที่อยู่ในสถานะ ผู้ที่ควรเคารพสักการะ หรือ ผู้ที่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ ชุมชนเหล่านี้ จะมีลักษณะสัมพันธ์กับระบบ ชนชั้นปกครองมากกว่าชนชั้นอื่น กล่าวคือ ได้รับการเป็นที่ปรึกษา ในเรื่องปัญหา ต่างๆ ให้กับกษัตริย์และผู้นำในสังคม
จะเห็นได้ว่า ทุกกลุ่มชน ไม่ว่าจะมีขนาดเป็น เผ่าเล็กๆขนาดประชากร ๕๐ คนหรือต่ำกว่า ไปถึงแคว้นหรือประเทศที่มีประชากรขนาด ล้านคนขึ้นไป ก็จะมีลักษณะการปกครองที่คล้ายๆกัน จะต่างกัน ก็เพียงแต่เล็กน้อยเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการศึกษา เกี่ยวกับ รัฐชาติ ขึ้น ให้ทำการศึกษาค้นคว้า จากอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ว่าควรจะเป็นรูปแบบการปกครองในลักษณะใดกัน ต่อไป นั่นเอง
กล่าวโดยทั่วไป ถึงอาชีพ ทุกๆ ระดับการทำงาน ของ ระบบรัฐชาติ นั้น ทุกๆหน้าที่ นั้นก็เรียกว่าเป็นอาชีพ เช่นกัน แต่ละอาชีพก็จะมีหน้าที่ ต่างกันไปตามแต่ละสังคม จะมีให้หรือจัดให้ ว่าบุคคลเหล่านี้ควรทำอะไร และได้รับอะไร เท่าไร ก็ทำกันไปตามระบบที่สังคมจัดไว้ให้ แต่ถ้ามีหน้าที่แล้ว ไม่ได้ทำตามหน้าที่หรือตามบทบาท ที่สังคมจัดให้ สังคมนั่นๆ ก็ต้องจัดการให้ผู้นั้นหมดหน้าที่ และจำเป็นต้องหาบุคคลอื่นทำหน้าที่นั้นๆ แทนกันต่อไป ( เหมือนอย่างกับ โบราณท่านว่าสวมหัวโขน ก็เล่นไปตามบทบาทว่าได้เล่นเป็นตัวอะไรเป็นตัวยักษ์ หรือลิง เป็นต้น เมื่อ ถอดหัวโขนออก ก็เป็นบุคคลธรรมดาตามเดิม หากถ้ายังยึดติดว่าตนเองยังเป็นยักษ์เป็นลิงอย่างเดิม สังคมก็จะหาว่าลิเกหลงโรงหรือไง หรือว่าบ้าไปแล้วทำนองนั้น)
จะกล่าวถึงอาชีพๆ หนึ่ง ที่เรียกว่า นายทหารประทวน (NON – COMMISSIONED OFFICER)หรือผู้ที่ไม่ใช่นายทหาร คือ จ่า หรือ หมู่ พวกเขาเหล่านี่จัดว่าเป็น นายทหารประเภทหนึ่งเหมือนกันครับ ที่อยู่ในระบบ ข้าราชการทหาร หรือ ผู้ที่ทำงานให้ชนชั้นปกครอง โดยได้รับ แบ่งปันส่วนภาษี เป็นสิ่งตอบแทนเป็นรายเดือน หรือรายงวด ก็แล้วแต่จะได้รับเอาตามระเบียบที่ชนชั้นปกครองได้วางเอาไว้
การทำงานก็ยังคงมีลักษณะเดิม ๆ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น คือ คุ้มครองหรือป้องกันภัยให้กับผู้ที่จ่ายภาษีให้แก่ตน จะมากหรือน้อย ก็ตามแต่ชนชั้นปกครอง ได้วางระเบียบไว้ให้ การจะได้มาซึ่งนายทหารประทวนในสมัยโบราณ เรียกว่า หัวพัน หรือ อีกนัยหนึ่ง ก็สามารถ คุมทหารได้พันหัว รบกับข้าศึกได้นั่นเอง โดย การรับคำสั่งจาก นายทหารระดับบน คือ หมื่น หรือ จหมื่น เดี๋ยวนี้ คือ ผู้หมวด ,ผู้กอง หรือ ร้อยโท หรือ ร้อยเอก นั่นเอง นายทหารประทวนเหล่านี้มาจากไหน เขาเหล่านี้มาจาก ชนชั้นแรงงานที่ถูกเกณฑ์เข้ามารบ แล้วสามารถแสดง ฝีมือการรบ หรือ สามารถ ต่อสู่กับ ข้าศึกได้อย่างไม่ถอย หรือ เสียขวัญ นั่นเอง หรือมีความโดดเด่นกว่าเหล่า ทหารเดินท้าวธรรมดาทั่วไป และได้ผ่านการคัดเลือก จากเหล่าชนชั้นผู้นำ ให้เข้ามาประกอบอาชีพเป็น ข้าราชการ และทำการศีกษาการทำงาน และหน้าที่ให้มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น จนสามารถ ควบคุม เหล่าทหารได้ในระดับหนึ่ง พวกเขาจึงเป็นนายทหาร ที่รู้จักใจของเหล่าทหารราบพลเลว ได้มากที่สุดโดยมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ทหารทหารสัญญาบัตร ที่ได้รับการศึกษา จากชนชั้นผู้นำโดยตรง และเรียนรู้ ในศาสตร์ทางการรบ ในเชิงกลยุทธ์ มากกว่า นายทหารประทวน อีกทั้ง ยังรวมอยู่ใน ระดับของผู้ปกครอง ชั้นสูงอีกด้วย จึงทำให้เขาเหล่านั้น พร้อมที่เติบโต เพื่อจะมาเป็น ผู้ปกครองในอนาคต
นายทหารประทวน ในประเทศไทยได้มีกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติยศทหารพุทธศักราช 2479 โดยมาตรา 9 ผู้ที่จะเป็นนายทหารประทวนนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีวิทยฐานะตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้ เว้นแต่ผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งเป็นพิเศษ เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดได้ตามลิงค์ ครับ www.bpp.go.th/e-book/2090.doc
โดยปัจจุบัน นายทหารประทวน ของประเทศไทย ได้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อ สนองตอบ กับ นโยบาย ผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มความสามารถ หรือ ไม่ตอบโต้ ผบ. ถูกทุกอย่างถ้าผิดก็เงียบ แล้วก็มาระบายกับวงการสังคมอื่น (ถ้าระบายในสังคมเดียวกัน ก็จะมีสหายผู้ต้องการความดีเข้าไปรายงานหาความชอบ แล้วความซวย ก็จะมาตกอยู่ที่ ผู้ระบายนั่นเอง) จึงทำให้ระบบความคิดของเหล่าขุนนาง ทีมียศถาบรรดาศักดิ์ นั้นเอาตนเองเป็น ศูนย์กลางของจักรวาล ผลก็คือ ความหลงและความโง่ และแคบเข้าครอบงำความคิดและความดีไป จนยากที่จะไปปรึกษาหารือ หรือ คิดร่วมงานกับบุคลากรจากสังคมอื่นๆ ระบบความคิดของข้าราชการทหารไทยจึงมีความแคบ โดยถ้าเป็น ความคิดของ นายทหารประทวนด้วยแล้ว ย่อมไม่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างยิ่ง เพราะเห็นว่าเป็นผู้น้อยและด้อยการศึกษาอย่างหนัก ต่อให้จบปริญญาเอก จากสถาบันไหนๆก็ตามทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยแล้วก็ยังรับความคิดของนายทหารรประทวนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ดี ปัจจุบันนายทหารประทวน ที่มีการศึกษาและมีความคิดจึงหันไปประกอบอาชีพอื่น ที่ใช้ความคิดมากกว่า หรือเปิดกว้างกว่า โดยหน่วยงานอื่นสามารถยอมรับความคิดเห็นได้มากกว่าหน่วยงานทางทหารที่ตนเคยรับราชการอยู่ ทำให้มีปรากฎการณ์ ที่เรียกว่าสมองไหล เกิดขึ้น ที่เหลืออยู่ ก็จะมีแต่ฟ่อลงๆ ไปเท่านั้น ท่านจะเห็นได้จาก จ่าๆ ทั้งหลาย ส่วนใหญ่ ที่มีความคิดเปิดร้านอาหารบ้าง ทำธุรกิจ ส่วนตัวบ้าง หรือ เรียนต่อในระดับสูงขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตัวเอง โดยจะไม่ยอมเป็นผู้ถูกเลือกอีกต่อไป และ ก็จะมีพวกที่เป็นหนี้ ขี้เมา เจ้าชู้ ทำงานไปวันๆ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเหล่านี้เป็นต้น โดยพฤติกรรม เหล่านี้ผมขอเรียกพวกนี้ว่าเป็นผู้มี อาชีพทหาร ครับ จากปัญหา ที่ผู้เขียนได้เป็น นายทหารประทวน และได้สอบถาม เพื่อนๆ นายทหารประทวนด้วยกัน พบว่า การทำงานกับ รายได้ที่ได้รับนั้นสามารถหาเลี้ยงและจุนเจือครอบครัวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และจำเป็นต้อง กู้หนี้ยืมเงินมาใช้ โดยทั่วไปแล้ว สถานะของนายทหารประทวนนั้น จะมีรายได้ ประมาณ ๘,๐๐๐- ๒๕,๐๐๐ บาท โดยส่วนใหญ่จะมีบ้านพักให้ การรักษาพยาบาลฟรี , ค่าเล่าเรียนสำหรับ ลูก ๓ คน ถึง อนุปริญญา ซึ่งสำหรับผม ถือว่า พออยู่ได้ ถ้าจะถามว่ารายได้อยู่ในระดับชนชั้นใด ผมก็ยังถือว่าเป็นชาวรากหญ้าครับ เพราะรายได้ระดับนี้ชาตินี้ก็ไม่สามารถจะ มีความสุขในชีวิตบั้นปลายได้เลย หรือ เท่ากับชาวกรรมกรหาเช้ากินค่ำทั่วไป มนุษย์ทั้งหลายย่อมหาทางรอดให้ชีวิตของตนเสมอ นายทหารรประทวนก็เช่นเดียวกันครับ ย่อมหาหนทางที่มีรายได้สำหรับตนเองด้วยเช่นกัน จึงต้องปากกัดตีนถีบ ด้วยการที่ส่วนใหญ่สังคมระบบทหารจัดลำดับศักดิ์ ในนายทหารประทวน ให้เป็นได้แค่พลทหาร ปี ๓ ขึ้นไป คำว่าศักดิ์ศรี ความเป็นนายทหาร ย่อมลดลงไปๆ เป็นธรรมดา จนพวกเราเห็นกันจนชินตา กับจ่าขายข้าวแกง หรือไก่ย่างข้างทางหรือ ในค่ายในช่วงเลิกจากงานหรือวันหยุด และท่านเคยเห็น ผู้กอง หรือ ผู้การ ขายข้าวแกง บ้างไหม ครับ คำตอบคือไม่ครับ เป็นไปไม่ได้ เพราะนายทหาร ระดับนี้ เขามีเกียรติและศักดิ์ศรีมากพอ ที่ไม่สามารถจะไปทำอย่างนั้นได้ครับ หรือ ชาวบ้านว่ายศมันค้ำคอ หรือว่าอาชีพแบบนั้นไม่เหมาะสมเป็นข้อครหานินทาเอาได้ครับ คือเขาเหล่านี้มีความเป็นทหารอาชีพมากกว่า ทำนองนั้นครับ
โดยสิ่งเหล่านี้ตรงกันข้ามกับนโยบายที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้เป็นทหารในอุดมคติ ก็คือ

ทหารอาชีพ ที่ว่าสามารถตอบสนองนโยบายการทำงานได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จะเอามาตรฐานเป็นแบบ ทหาร ชาติตะวันตก หรือ อเมริกัน ครับ ท่านไม่มามองดู ค่าตอบแทนให้มันสมควร เท่ากับทหาร ตะวันตก หรือ อเมริกันบ้างล่ะครับ โดยมีรายได้ให้มีความยุติธรรม และ ออกระเบียบให้นายทหารประทวนเลิกอาชีพพิเศษ หันมาเอาดีทางด้านการทหาร ที่ปัจจุบันควรเปิดโอกาส ให้ได้ศึกษาหาความรู้ และสร้างรายได้ไปในตัวด้วย เช่น การบรรจุพลเรือนมาเป็นเสมียนเหล่าสารบัญผมว่าไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันใครๆก็พิมพ์ดีด ใช้คอมพิวเตอร์ได้ โดยให้หน่วยทดสอบหานายทหารประทวนในหน่วยว่าผู้ใดสามารถ สอบผ่าน และสามารถพิมพ์งานได้ก็จะได้เงินเพิ่มพิเศษอย่างเหมาะสมทุกเดือน (ปัจจุบันถ้าท่านถามว่าใครพิมพ์งานเป็นบ้าง คำตอบก็คือ ไม่เป็นครับ หมายเหตุ ไม่มีใครอยากมาพิมพ์งานให้มันยุ่งยาก เพราะไม่ได้อะไร แถมยังเรียกใช้งานไม่เป็นเวลาอีก) หรือ มีการสอบภาษาต่างประเทศ เพื่อตรวจคัด บุคคลทั้ง นายทหารสัญญาบัตรและประทวน ที่มีความรู้ในภาษาอื่นๆ โดยเพิ่มเงินเป็นในลักษณะแบบค่าปีกให้ทุกเดือนด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรให้เงินค่าผู้เชียวชาญด้วยจึงจะเหมาะสมครับ นายทหารประทวนจะได้เพิ่มพูนความรู้จากประสป
การณ์และทำการศึกษาเพิ่มเติม โดยจะทำให้มีศึกษาตลอดการทำงานทั้งยังมีแรงจูงใจในรูป รายได้รายเดือนที่มากขึ้นตามความสามารถอีก เมื่อได้รายได้ที่สูงมากยิ่งขึ้นและมีสวัสดิการที่ได้มากกว่าของนายทหาร (นายทหารต้องเป็นผู้เสียสละครับจะให้ผู้มียศน้อยเสียสละนั้นไม่ควรอย่างยิ่งครับ) คราวนี้คำว่าสมองไหล หรือ คำว่าเสียจ่าดีๆไปแต่ได้นายทหารเลวๆจะไม่มีครับ เพราะกองทัพจะได้นายทหารประทวน ที่ชำนาญการยุทธ์รู้หน้าที่ปฎิบัติหน้าที่ได้ดีหรืออาจเหนือกว่าได้ โดยไม่ไปสนใจกับการสอบเลื่อนฐานะนายทหารประทวนเป็นนายทหารสัญญาบัตรอีกครับ โดยทั้งนี้ ความพร้อมของนายทหารประทวนนั้นพร้อมเสมออยู่แล้ว (เป็นผู้รับคำสั่งมานานแล้วครับ เพราะเป็นผู้รับปฏิบัติมาจนชินชา จนสมองแทบจะไม่สั่งงาน หรือไม่ได้คิดอะไรแล้ว) ก่อนที่จะสายเกินไปครับ เขาเหล่านั้นพร้อมที่จะใช้ความสามารถ ที่มีอยู่เพื่อที่จะเป็น ทหารอาชีพในอุดมคติ ของผู้บังคับบัญชา แต่จะอยู่ที่ชนชั้นผู้นำหรือนักคิดครับว่าจะให้โอกาสกับนายทหารประทวน และพลทหารแค่ไหน และประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวเดินไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้แล้วหรือยังครับ

บรรณานุกรม
ประวัติยศ จ่าสิบเอกพิเศษ ทั่วโลก
http://en.wikipedia.org/wiki/Sergeant_Major
บทบาทของนายทหารประทวนของประเทศ สหรัฐอเมริกา ยศ จ่าสิบเอกพิเศษแห่งกองทัพบกสหรัฐอเมริกา
http://en.wikipedia.org/wiki/Sergeant_Major_of_the_Army
พระราชบัญญัติยศทหารพุทธศักราช 2479

ไม่มีความคิดเห็น: