วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จุดจบ มนุษย์ เชลีย


ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ว่าตามการปกครอง ประเทศ หรือ การบริหารกิจการใหญ่ และในแวดวงการทำงาน โดยเฉพาะงานราชการด้วยแล้วมีเยอะ และการที่ได้อ่านจากตำรา หรือ ภาพยนต์ในอดีต นั้นท่านจะได้พบกับ บุคคลลักษณะหนึ่งที่สามารถสร้างอารมณ์ ความหมั่นไส้ ด้วยอาการมือไม่พายเอาเท้าลาน้ำ หรือ ประจบประแจงเจ้านาย เอาความดีเข้าตัวความชั่วให้คนข้างๆ หรือ ทำอะไรไม่เป็นเก่งแต่ยืมมือคนอื่นใช้แล้วเข้าไปนำเสนอ พูดดีคิดได้ และทำไม่ได้ ไอ้พวกเหล่านี้ หรือเหล่ามนุษย์ที่มีสายพันธ์เหล่านี้ ได้ทำการต่อสู่เอาตัวรอดมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ ยุคศักดินา (คลื่นลูกแรก) ต่อมายังยุคปฏิวัติอุตสหกรรม (คลื่นลูกที่สอง) มาถึงยุคข้อมูลข่าวสาร(คลื่นลูกที่สาม)เริ่มอยู่ลำบากแต่ก็ยังมีอยู่ ต่อไปเป็นยุคของแท้อยู่รอด Virtually Ageไม่เจ๋งจริงกลับบ้านไป (คลื่นลูกที่สี่) คนจำพวกนี้เคยอาศัย มือและเท้า ของชาวบ้านมานาน จนทำอะไรเองไม่ค่อยได้ แต่อาศัยปาก ทำงานประจบ ผู้หลักผู้ใหญ่ แต่มาเข้ายุคที่สี่นี่แล้ว ทุกอย่างเป็นการแข่งขัน วัดกันที่ความสามารถ การเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงอย่างทุกวันนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน ขึ้นลงยิ่งกว่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พวกมีแต่ผ้ากระเตียว แปะหน้า จะหาทางรอดจากภาวะการต่อสู่นี้ได้อย่างลำบาก ของดีและของเลิศเท่านั้นที่ยังคงอยู่ คนมีความรู้ความสามารถเท่านั้นที่ตลาดโลกต้องการ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับ เขตแคว้น หรือ สถาบันใดอีกต่อไป ถ้าคนที่เขามีความสามารถจริงและอยู่กับหน่วยงานที่ไม่ต้องการคนมีความสามารถ หรือ เขาเองไม่มีกำลังพอที่จะผลักดันให้เกิดจุดวิกฤตของการพัฒนาในองค์กรได้ สภาวะสมองทะลัก ก็จะเกิดขึ้น กับองค์การเหล่านี้คลาวนี้ก็จะต้องเหลือแต่พวกเน่า ดีแต่ปากแต่ทำงานไม่เป็น ต่อมาองค์นั้นๆจะต้องปิดตัวเองลงไปอย่างน่าอนาถในที่สุด

โลกนี้เปิดกว้างเสมอ สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้และหาประสบการณ์ และกล้า ท้าทาย พวกแหยง เหยี่ยบขี่ไก่ไม่ฝ่อหลบไป โอกาสเปิดให้สำหรับผู้ที่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง และผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา มีการพัฒนาการศึกษาตลอดชีวิต จะอยู่ในโลกยุคที่สี่นี่ได้อย่างเสพสุข นักเรียนนักศีกษาที่มีความสามารถ และความคิด มีการเรียนรู้จากการคิดเองเป็น (ไม่ใช่นักคิดแบบเอาตำราเขามานั้งคิดตามโดยไม่แตกยอด )จะเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ด้วยค่าแรงที่ประเทศของตนไม่สามารถหาให้ได้ คนเหล่านี่ก็จะเดินทางไปยังสิ่งที่เขาต้องการ และที่ที่สามารถทำความฝันของเขาให้เป็นจริงได้ โดยไม่สนใจกับคำว่า ภักดี หรือ เพื่อชาติ อีกต่อไป **เป็นที่น่ากลัวสำหรับสังคมไทยที่จะขาดแรงงานชั้นมันสมองและนักคิดนักพัฒนาในอนาคตในใกล้นี้**

การครอบงำทางความคิด ในโลกยุดข้อมูลข่าวสาร การครอบงำความติดนี้ไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกต่อไป การร่วมพลังทางความคิดอิทธิพลของความเป็นรัฐชาติ เปลี่ยนไปแล้วและได้แตกย่อยกันไป อาการต่างความเชื่อและความคิดเพื่มจำนวนมากยิ่งขึ้น การค้นหาความจริงไม่ใช่สิ่งที่ยุ่งยากแต่ประการใด ความรู้มิได้ถูกจำกัดแค่ภายในตำราและจากกระดาษเสียแล้ว การเปลี่ยนถ่ายเชิงปัญญาสามารถทำได้ฉับพลันไร้ตัวตนเหมือนลมจากโอษฐ์ของพระเจ้า การสุ่มหัวร่วมคิดของนักปฏิวัติหลากหลายกรรมาชีพทำได้ตลอดเวลา ผู้ที่ก้าวไม่ทันจะหลบหายจากการมีตัวตนอยู่ในสังคมใหม่เหล่านี้ ยากแก่การยัดเยียดหลักความคิดและหลักความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้อีกต่อไป ของแท้ที่จะคงอยู่ได้ ของจริงเท่านั้นที่จะทนทานต่อการถูกกระทบจากคลื่นความผันผวน The Best เท่านั้นจะคงอยู่ รอดูพิสูจน์ต่อความจริง และจะเป็นผู้เดียวที่ถูกสังคมเลือก ของปลอมถอยไป.........

ไม่มีความคิดเห็น: