วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แผ่นโปสเตอร์หนังกลางแปลง


ฟังเพลงจากโปสเตอร์http://www.music.oldsonghome.com/listen.php?song_id=1450

ท่าน(ที่มีอายุ๓๐ปี่ขึ้นไป)ยังจำบรรยากาศเหล่านี้ได้หรือไม่ กล้วยทอด ปลาหมึกย่าง ลูกชิ้นย่าง น้ำหวานสีสันสดใส แสงสลั่วๆของตะเกียงน้ำมัน เพลงลูกทุ่ง และผ้าห่ม พร้อม เสื่อปูนั๋ง การสนทนากันของเพื่อนที่มาร่วมเหตุการณ์ การพบปะกันของเพื่อนๆข้างบ้าน และเสียงของรีนและหนามเตยที่ประกบกันในเครื่องฉายหนัง และความสนใจในเรื่องอย่างเดียวกัน ณ วันเวลาสถานการณ์เดี่ยวกัน โดยรวมแล้วเป็นความทรงจำที่ยากที่จะลืมเลือนซึ่งได้จากหนังกลางแปลง ที่ก่อนจะมีการเริ่มฉายก็จะมีการโฆษณาว่าจะมีหนังเรื่องอะไรฉายบ้างในคืนนี้ โดยใช้แผ่นโปสเตอร์หนัง ที่เป็นภาพวาดสีน้ำมันจะทำหน้าที่ของมันต่อผู้ที่สนใจโดยการเล่าเรื่องราวในภาพยนต์ที่จะนำเสนอผ่านพู่กันสีและตัวหนังสือออกมาเป็นภาพวาดที่ถ่ายทอดอารมณ์ถึงผู้รับรู้ได้เป็นอย่างดีโดยผู้รับรู้สามารถทราบรายละเอียดเรื่องราวได้อย่างคล้าวๆผ่านแผ่นกระดาษนี้

เรื่องราวเหล่าหนี้ได้ฝังติดอยู่ในจิตใจของผมอย่างไม่มีวันลืมจากการที่ได้ตระเวนไปที่ต่างๆกับ พ่อซึ่งมีประสปการณ์ทำหนังกลางแปลงมาเกือบสี่สิบปี ในการไปเสนอให้ความบันเทิงในยามค่ำคืนแก่เจ้าภาพที่จ้างบริการหนังกลางแปลงไปฉาย ณ บริเวณบ้านตัวเจ้าภาพเอง ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานทำบุญบ้าน งานแต่งงาน งานโกนจุก วันเกิด จนถึงวันตาย(งานศพ) ก็สามารถนำหนังกลางแปลงไปฉายซึ่งก็ได้สร้างความครึกครื้นให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี เพราะสมัยก่อนความบันเทิงอย่างเช่นโทรทัศน์ยังเข้าไม่ถึงทุกครัวเรือนเหมือนในปัจจุบัน และการคมนาคมก็ยังไม่สะดวกหนังกลางแปลงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆและความสนุกสนานข้อคิด คตินิยม การโฆษณาช่วนเชื่อ เข้าถึงจิตใจประชาชนได้อย่างซึมซาบมากที่สุดก็ว่าได้ ถ้าจะเปรียบก็เหมือน คุณกำลังหิวน้ำอยางมาก อยู่กลางแดดเดินทางมาเจอร่มข้างทางมีน้ำไว้คอยบริการ ท่านย่อมจะจดจำสถานที่นี้ได้อย่างไม่่ลืมเลือนไปอย่างง่ายๆ เช่นนั้น ผมยังจำการไปเร่ฉายหนังในพื้นที่ห่างไกลความเจริญหรือไกลปืนเที่ยงก็ว่าได้ในสมัยซึ่งผมยังเป็นเด็กการคมนาคมในต่างจังหวัดยังไม่สะดวกและก็ยังมีขบวนการคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกระจายอยู่โดยรอบอย่างห่างๆ ซึ่งชาวบ้านและเหล่าข้าราชการเรียกบริเวณพื้นที่นี้ว่าพื้นที่สีชมพู โดยรัฐบาลไม่สามารถสร้างความเข้าใจกับประชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนบริเวณนี้ยากจนและโดนข้าราชการข่มเหงรังแก จึงมีต่อต้านการปกครองที่มาจากส่วนกลางเกิดขึ้น และไม่รับฟังการโฆษณาใดๆจากฝ่ายรัฐบาลเพราะเขาไม่ไว้วางใจ เห็นพวกเขาเป็นพวกคนยากจนไม่รู้หนังสือ ฝ่ายราชการจึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปพัฒนาแม้เป็นการพัฒนาที่จริงใจก็ตาม แต่ชาวหนังเร่กลับตรงกันข้าม เราให้การบริการเร่หนังไปเรื่อยๆ แล้วแต่พื้นที่จะอำนวย การหาพื้นที่ฉายหนังนั้นก็จะมีการใช้ส่วนล่วงหน้าเข้าไปหาข่าวโดยติดโปสเตอร์หนังไปด้วย เพื่อให้ชาวบ้านรับรู้ว่าเป็นพวกหนังกลางแปลง ไม่ใช่ราชการมาหาข่าวชาวบ้าน โดยเข้าไปตามร้านกาแฟ ในหมู่บ้าน ถามถึงจำนวนครัวเรือน และหาสถานที่ว่ามีพื่้นที่ไหนสามารถให้การสนับสนุนการฉายหนังได้บ้าง เป็นต้น และทำการปิดวิก เข้าชมต่อไป ซึ่งเหล่านี้เป็นการสร้างมวลชนและความบันเทิงให้กับคนในชนบทห่างไกลความเจริญได้เป็นอย่างดี

ในสภาวะปัจจุบันลักษณะการทำหนังกลางแปลงแบบที่ว่ามานี้อาจจะเหลือน้อยเต็มที ความเจริญทุกรูปแบบให้การสนองตอบความต้องการเป็นลักษณะปัจเจกบุคคลไปแล้ว สังคมหนังกลางแปลงแทบจะไม่มีให้เห็น การสนทนากันในหมู่ชาวบ้านในสังคมเริ่มห่างกันไป จนเหมือนกับว่าเรารู้จักคนใกล้บริเวณบ้านเราน้อยลงไปทุกที นั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีการแตกแยกในสังคมให้เห็นมาโดยลำดับ ในส่วนตัวกระผมหนังกลางแปลงมีส่วนช่วยในการพัฒนาในทางจิตใจและความรักสมัครสมานในสังคมอยู่ไม่มากก็น้อย เป็นที่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้เราไม่มีโอกาสมากนักที่จะกลับไปหาความสุขแบบเดิมได้อีกแล้ว โดยปัจจุบันนี้มีความบันเทิงรูปแบบใหม่ๆมาสนองตอบความต้องการเน้นการบริโภคนิยมแบบเห็นแก่ตัวหรือไม่มีการเผื่อแผ่มากยิ่งขึ้น เช่นการดูหนังดีวีดี การเล่นเกมส์แบบเอาชนะ เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้กำลังสร้างความแปลกแยกให้สังคมและชุมชนห่างขึ้นไปทุกขณะ ท้ายนี้ก็ได้แต่ระลึกถึงหนังกลางแปลงในอดีตที่ยังอยู่ในหัวใจเรื่อยมาตราบเท่า...........ปัจจุบัน ฟังบทเพลงจากโปสเตอร์ภาพยนต์เทพธิดาดอยได้จากhttp://www.music.oldsonghome.com/listen.php?song_id=1450

ตาแป้น

ไม่มีความคิดเห็น: